วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เกี่ยวกับศูนย์

ศูนย์เรียนรู้บ้านเห็ด สาขาบางใหญ่ ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 35/1 ม.6 ต.เพหลา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ผลิตและจำหน่ายก้อนเชื้อเห็ดคุณภาพดี นอกจากนี้ยังจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการเพาะเห็ด เช่น เครื่องสร้างหมอก (ULEM) หม้อนึ่ง(โคตรร้อน) ตู้เขี่ยเชื้อกระดาษ ชุดเขี่ยเชื้อในแบบ "บ้านเห็ด" ฯลฯ ซึ่งอยู่ภายใต้สิทธิบัตรของอ.ทวียศ ศรีสกุลเมฆี ผู้ที่สนใจการเพาะเห็ด สามารถเยี่ยมชมทางศูนย์ได้ฟรีคับ

อบรมเพาะเห็ดอย่างมืออาชีพ



การอบรมการเพาะเลี้ยงเห็ดอย่างอย่างมืออาชีพ เป็นหลักสูตรที่ทางศูนย์เรียรู้บ้านเห็ดได้จัดทำขึ้น
 โดยเฉพาะ ใช้เวลาการอบรมเพียง 1 วัน ตั้งแต่8.00น.-18.00น.(โดยประมาณ) ณ.ศูนย์เรียรู้บ้านเห็ด ซอยเทียนทะเล20 ถนนพระรามที่2 กทม.


หลักสูตรการเพาะเลี้ยงเห็ดอย่างมืออาชีพนี้ ใช้ข้อมูลอ้างอิงจากเอกสารการเพาะเลี้ยงเห็ด โครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพฯ (สวนจิตรลดา) เป็นแกนในการอบรม โดยผสมกับแนวคิดของวิศวกร(อ. ทวียศ ศรีสกุลเมฆี) ที่สนใจในเรื่องเกษตร ได้นำความรู้ทางวิศวกรรมมาประยุกต์ใช้ในการเพาะเห็ด ทำให้การเพาะเห็ด ได้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำได้ง่ายด้วยตนเอง ต้นทุนต่ำ บังคับให้ออกนอกฤดูได้ และเป็นแบบอัตโนมัติ มีทีเดียวในประเทศไทย



เราอบรมอะไร???ที่ไม่มีสถานที่อบรมที่ใดสามารถทำได้ และคนต่อคิวอบรมเต็มตลอดปี
  1. ต้องสามารถ เพาะเชื้อเห็ด ขยายเชื้อเห็ด และทำก้อนเห็ดใช้เองได้ทุกชนิด(ในแนวใหม่ เห็ดกอ้นเล็ก(ครั้งแรกของประเทศ) เชื้อเดินเร็ว เก็บดอกไว
  2. ต้องมีโรงเห็ดที่สามารถความบคุม ความชื้น อากาศ และอุณหภูมิ ที่เห็ดต้องการได้ ไม่ว่าเห็ดในเขตหนาว หรือเขตร้อน ต้องออกได้นอกฤดูอย่างต่อเนื่อง และเป็นแบบอัตโนมัติ(ลิขสิทธิเฉพาะบ้านเห็ด เป็นครั้งแรกของโลก)
  3. ต้องมีมุมมองเรื่องการตลาดในแนวใหม่ ไม่เน้นขายเพียงดอกเห็ดอย่างเดียว แต่สามารถขาย เชื้อเห็ด ก้อนเชื้อเห็ด โรงเห็ดอัตโนมัติ อุปกรณ์/วัสดุในการผลิตก้อนเห็ด และแนวคิดใหม่หมู่บ้านเห็ดที่ยังไม่มีที่ไหนในโลก( มาดูพื้นที่ เพียง60ตร.วา ก็สามารถทำเห็ดเงินล้านได้)
แนวคิดใหม่ในการทำเห็ดเงินล้านที่ศูนย์เรียนรู้บ้านเห็ดได้เขียนเป็นหลักสูตร "อบรมการเพาะเลี้ยงเห็ดอย่างมืออาชีพ" แนวคิด/วิธีที่จะทำให้เห็ดออกดอกทุกวันทั้งหมดทุกก้อน(ของจริง) และได้คุณภาพดี ออกดอกไวประมาณ20-30วัน โดยใช้ก้อนเห็ดเล็ก(ครั้งแรกของประเทศไทย) และแนวทางการจัดการทำเห็ดครั้งเดียว

รายละเอียดหลักสูตร"อบรมการเพาะเลี้ยงเห็ดอย่างมืออาชีพ"

ภาพ บรรยากาศการอบรม
วัตถุประสงค์การอบรมเพาะเลี้ยงเห็ดแบบมืออาชีพ

  1. ผู้อบรมสามารถทำอาหารวุ้น PDA/RDA(สูตรเฉพาะ"บ้านเห็ด")ใช้ในการเพาะเชื้อเห็ดได้
  2. ผู้อบรมสามารถเขี่ยเชื้อจากดอกเห็ดไปอาหารวุ้นได้  โดยไม่ต้องใช้ตู้เขี่ยเชื้อและห้องปลอดเชื้อ
  3. ผู้อบรมสามารถเตรียมเมล็ดข้าวเปลือกและข้าวฟ่าง ข้าวเปลือกก็เพาะเชื้อเห็ดได้ ไม่จำเป็นต้องข้าวฟ่างอย่างเดียว
  4. ผู้อบรมสามารถต่อเชื้อเห็ดจากอาหารวุ้นลงในเมล็ดข้าวเปลือกและหรือข้าวฟ่างได้ โดยไม่ต้องใช้ตู้เขี่ยเชื้อและห้องปลอดเชื้อ
  5. ผู้อบรมสามารถทำก้อนเชื้อเห็ดได้ โดยใช้แนวคิด/แนวทางใหม่ที่จะบังคับให้เห็ดเชื้อเดินได้เต็มก้อนอย่างเร็วที่สุดในประเทศ และออกดอกทุกวันได้(ทุกก้อน)
  6.  ผู้อบรมรู้จัก/และสามารถทำโรงเพาะเห็ดอัตโนมัติ,อุปกรณ์กระจายน้ำผอยยูเล็ม(ULEM)ได้ เฉลยเคล็ดลับทั้งหมด ให้ผู้อบรมและสามารถ copy ทำใช้เอง หรือทำขายได้ ลูกศิษย์หลายท่านทำขายได้เงินกว่าแสนบาทต่อเดือน
  7. ผู้อบรมจะได้รับแนวทางการตลาด ที่จะทำเห็ดเงินล้าน และสามารถทำงานร่วมกับบ้านเห็ด ทั้งยังสามารถสมัครเป็นสาขาบ้านเห็ดได้(เฉพาะผู้ผ่านการอบรมเท่านั้น และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ)





วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเห็ด



ความหมายของเห็ด
     เห็ดเป็นราชนิดหนึ่งซึ่งไม่จัดเป็นพืชหรือสัตว์  ไม่มีสารสีเขียว(chlorophyll) เหมือนพืช  จึงไม่สามารถปรุงอาหารกินเองได้  ไม่มีระบบประสาทหรืออวัยวะและไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เช่นสัตว์  การเจริญเติบโตของเห็ดมีลักษณะเป็นเส้นใยรวมกัน

ความสำคัญของเห็ด
     มนุษย์ทั่วโลกรู้จักเห็ดมานานที่สายพันธุ์ของเห็ด มากกว่า 30,000 สายพันธุ์ แต่มีถึงร้อยละ 99 สายพันธุ์ที่บริโภคได้ที่เหลือร้อยละ 1 เป็นเห็ดพิษหรือเห็ดเมาในอดีตเห็ดที่นำบริโภคนั้นมีเพียงไม่กี่ชนิด เช่น เห็ดฝรั่ง เห็ดหอม เห็ดโคน และเห็ดฟาง
     ในปัจจุบันพบว่าหลายๆประเทศหันมาให้ความสนใจและร่วมมือกันในการวิจัยและค้นคว้า ทดลอง คัดเลือก และปรับปรุงพันธุ์เห็ด  ให้มีจำนวนมากขึ้น และพัฒนาเทคนิควิธีการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค
     ประเทศไทยเป็นประเทศที่เหมาะต่อการเพาะเห็ดอย่างมาก เพราะมีวัสดุเหลือใช้จากพืชเศรษฐกิจสามารถนำมาดัดแปลงเพาะเห็ดได้เป็นอย่างดีประกอบกับมีสภาพดินฟ้าอากาศที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเห็ดเกือบทุกชนิด ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาเพาะเห็ดกันอย่างจริงจังแล้ว จะช่วยเพิ่มอาหารที่มีคุณค่าและทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

ประโยชน์ของเห็ด
    1. คุณค่าทางอาหารของเห็ด  จากการค้นคว้าเกี่ยวกับคุณค่าทางอาหารของเห็ด โดยกรมวิทยาศาสตร์พบว่า เห็ดที่มีจำหน่ายในท้องตลาด เช่น เห็ดฟาง เห็ดหูหนู เห็ดนางรม เห็ดเป๋าฮื้อ และเห็ดนางฟ้า เมื่อนำมาวิเคราะห์พบว่าประกอบด้วยสารอาหาร พวกคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุต่างๆ และวิตามิน ที่แตกต่างกัน จากชนิดสารอาหารที่ พบในเห็ดดังกล่าว ย่อมพิสูจน์ได้ว่าเห็ดเป็นอาหารที่มีคุณค่าเทียบเท่าเนื้อสัตว์จริง
     2. สรรพคุณทางยา ของเห็ด ในการบริโภคอาหารควรเลือกบริโภคพืชผักที่มีคุณค่าทางอาหารทดแทนเนื้อสัตว์บ้าง โดยเฉพาะพืชที่ประเภทเห็ดจะไม่มีสารคอเรสตอรอลที่เป็นอันตรายต่อระบบไหลเวียนโลหิตประกอบกับเห็ดมีปริมาณธาตุโซเดียมค่อนข้างต่ำ จึงจัดเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับ    ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ โรคไตโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง

ส่วนประกอบต่างๆของดอกเห็ด
ส่วนประกอบของเห็ด
เริ่มจากสปอร์ของดอกปลิวไปตกบริเวณที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสปอร์ก็จะเจริญเติบโตกลายเป็นเส้นใย  เมื่อเส้นใยอัดตัวกันเข้ากลายเป็นดอกเห็ด  ซึ่งประกอบ  ไปด้วย
        1.  หมวกเห็ด  ส่วนปลายสุดของดอกเจริญขึ้นไปในอากาศ
        2.  ครีบ  อยู่ด้านล่างของหมวกเห็ด
        3.  ก้านดอก  มีขนาดใหญ่และยาวแตกต่างกัน
        4.  วงแหวน  เป็นเยื่อบางๆยึดก้านดอกและขอบหมวกของเห็ด
        5.  เปลือกหุ้มโคน  อาจมีเนื้อหนาหรือบางอยู่ชั้นนอกสุดที่หุ้มดอกเห็ดไว้
        6.  สปอร์  เกิดจากการผสมพันธุ์ทางเพศ  แล้วแบ่งตัวกลายเป็นสปอร์ปลิวหรือลอยไปในอากาศ

การจำแนกประเภทของเห็ด
      เห็ดสามารถจำแนกได้เป็น  3  กลุ่ม  ได้แก่
       1.  กลุ่มเห็ดที่ใช้เป็นอาหาร  เป็นเห็ดที่มีคุณค่า  และมีส่วนประกอบของ      สารอาหารหลายชนิด  เช่น  โปรตีนและวิตามิน  ได้แก่  เห็ดฟาง , เห็ดนางฟ้า , เห็ดหูหนู  เป็นต้น
       2.  กลุ่มเห็ดที่ใช้เป็นยาสมุนไพร  เพราะเชื่อว่ามีสารที่เป็นสรรพคุณทางยา     ได้แก่
เห็ดหลินจือ (เห็ดพันปี)รับประทานแล้วจะเป็นยาบำรุงกำลังทำให้สุขภาพแข็งแรง
เห็ดหอม  รับประทานแล้วจะช่วยบำบัดโรคบางชนิดได้  เช่น  ต้านโรคมะเร็ง , ต้านไวรัส  ช่วยลดความดันโลหิตและลดโคเรสเตอรอล  เป็นต้น
       3.  กลุ่มเห็ดที่เป็นพิษ  เห็ดกลุ่มนี้ถ้าบริโภคเข้าไปจะมีพิษ  ถ้าบริโภคมากอาจถึงตาย  เพราะพิษจะเข้าไปในระบบเลือด  กระจายไปทั่วร่างกายมึนเมาอาเจียน  เช่น    เห็ดระโงกหิน


เห็ดที่นิยมบริโภค

เห็ดหอม
 1.เห็ดหอม
     เป็นยาอายุวัฒนะ เพราะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด อีกทั้งยังเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสและมะเร็งด้วย และมีกรดอะมิโนถึง 21 ชนิด มีวิตามิน บี 1 บี 2 สูง พอๆ กับยีสต์ มีวิตามินดีสูงช่วยบำรุงกระดูกและมีปริมาณโซเดียมต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคไต นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงกำลัง บรรเทาอาการไข้หวัด ชาวจีนยกให้เห็ดหอมเป็นอาหารต้นตำรับ “อมตะ”

เห็ดหูหนู
2.เห็ดหูหนู
     เป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรต สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาวในผู้สูงอายุ ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายดีขึ้น รวมทั้งช่วยรักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง เห็ดหูหนูขาว ช่วยบำรุงปอดและไต 

เห็ดหลินจือ
3.เห็ดหลินจือ
     มีสารสำคัญ เบต้ากลูแคน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง คนญี่ปุ่นมักใช้ควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็งและโรคผู้สูงอายุ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และโรคความดันโลหิตสูงปัจจุบันยังมีการนำไปเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์อีกด้วย เพราะมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย รวมทั้งกระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัส 

เห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง
4.เห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง
     รูปร่างกลมมน คล้ายกระดุมที่มีขนาดใหญ่ ผิวเนื้อนวล มีให้เลือกทั้งแบบสดหรือบรรจุกระป๋อง มีบทบาทในการรักษาและป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมมากที่สุด โดยสารบางอย่างในเห็ดนี้ไปช่วยยับยั้งเอนไซม์อะโรมาเตส (aromatase) ทำให้เกิดการยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมนเอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้ หญิงวัยหมดประจำเดือน เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลงก็ลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์ มะเร็งเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วย 

เห็ดนางรม

เห็ดนางฟ้า

เห็ดเป่าฮื้อ
5.เห็ดนางรม นางฟ้า เป่าฮื้อ
     เห็ดสามอย่างนี้อยู่ตระกูลเดียวกัน เจริญเติบโตเป็นช่อๆ คล้ายพัด เห็ดนางรมมีสีขาวอมเทา เห็ดนางฟ้ามีสีขาวอมน้ำตาล ขณะที่เห็ดเป๋าฮื้อจะมีสีคล้ำและเนื้อเหนียวหนาและนุ่มอร่อยคล้ายเนื้อสัตว์ มากกว่า เชื่อว่าสามารถป้องกันโรคหวัด ช่วยการไหลเวียนเลือด และ โรคกระเพาะได้ 

เห็ดฟาง
6.เห็ดฟาง
     เป็นเห็ดยอดนิยมของคนไทย นิยมเพาะกันบนกองฟางข้าวชื้นๆ โคนมีสีขาว ส่วนหมวกสีน้ำตาลอมเทา หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด ให้วิตามินซีสูง และมีกรดอะมิโนสำคัญอยู่หลายชนิด หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันการติดเชื้อต่างๆ อีกทั้งยังช่วยลดความดันโลหิตและเร่งการสมานแผล

เห็ดเข็มทอง
7.เห็ดเข็มทอง
     เป็นเห็ดสีขาว หัวเล็กๆ ขึ้นติดกันเป็นแพ รสชาติเหนียวนุ่ม นำมารับประทานแบบสดๆ ใส่กับสลัดผักก็ได้ ถ้าชอบสุกก็นำไปย่าง ผัดหรือลวกแบบสุกี้ ถ้ากินเป็นประจำจะช่วยรักษาโรคตับ กระเพาะ และลำไส้อักเสบเรื้อรัง

เห็ดโคนหรือเห็ดปลวก
8.เห็ดโคนหรือเห็ดปลวก
     เป็นเห็ดสีขาว หัวเล็กๆ ขึ้นติดกันเป็นแพ รสชาติเหนียวนุ่ม นำมารับประทานแบบสดๆ ใส่กับสลัดผักก็ได้ ถ้าชอบสุกก็นำไปย่าง ผัดหรือลวกแบบสุกี้ ถ้ากินเป็นประจำจะช่วยรักษาโรคตับ กระเพาะ และลำไส้อักเสบเรื้อรัง


เห็ดเผาะหรือเห็ดถอบ
9.เห็ดเผาะหรือเห็ดถอบ
     นิยมกัน คือ แกงเผ็ด เวลาเคี้ยวแล้วให้ความรู้สึกกรอบ มัน เพราะเห็ดเผาะกรอบ ข้างในกลวง เวลาเคี้ยวแล้วดังเผาะทุกๆครั้ง นิยมกินเห็ดระยะที่อ่อนอยู่ โดยนำไปแกงคั่ว และผัด หรือกินสดเป็นผักจิ้มน้ำพริก รักษาบาดแผล ทำให้กระชุ่มกระชวย บำรุงร่างกาย ชูกำลัง แก้ช้ำใน 


10.เห็ดขอนขาวหรือเห็ดมะม่วง
     เห็ดขอนมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง แก้ไขพิษ ช่วยระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น สำหรับเห็ดกระด้างสดหรือแบบแห้ง สามารถนำมาต้มกับน้ำจนเดือดให้ผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลียจากการทำงานหรือไม่แข็งแรงเนื่องจากเพิ่งฟื้นจากไข้ สมรรถภาพทางเพศไม่ค่อยจะดี รับประทานทั้งน้ำและเนื้อเห็ดเป็นประจำจะทำให้ร่างกายแข็งแรง จากงานวิจัย พบว่า “แคปซูล” จากสารสกัดเห็ดกระด้าง สามารถลดไขมันในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ติดเชื้อ HIV ได้ผลดี จะทำให้ผู้ป่วยมีอายุยืนยาวต่อไปได้อีก สำหรับราคาของเห็ดกระด้างค่อนข้างสูงกว่าเห็ดพื้นเมืองชนิดอื่นๆ จึงได้รับการพัฒนาเพื่อการเพาะปลูกเป็นการค้า กด Like เพื่อติดตามบทความ บน Facebook แฟนเพจ 

ขอบคุณที่มา : ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเห็ด
ขอบคุณที่มา : Top 10 เห็ดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ทฤษฎีการเพาะเห็ดแบบ"บ้านเห็ด"


การเพาะเห็ด สรุปได้สั้นๆ เพียง 2 ทฤษฎีเท่านั้น ทฤษฎีที่ 1 จริงๆทุกคนก็คุ้นเคยกันอยู่แล้วแต่นึกไม่ออก เช่นเราทราบดีอยู่แล้วว่าเห็ดคือเชื้อรา อาหารของเชื้อรา คือแป้งและน้ำตาล เห็ดทุกชนิดก็เหมือนกันหมด เข้าใจสิ่งนี้ก็ทำเห็ดได้ทุกชนิดแล้ว


ทฤษฎีที่2 การติดเชื้อ เป็นการมองแบบธรรมดา การขยายเชื้อเห็ด(รา) ไม่แตกต่างกับการติดไข้หวัด ถ้าเชื้อมากก็ติดได้ง่าย แต่กลับกันถ้าเชื้ออ่อนการติดเชื้อก็เป็นไปได้ยาก

วงจรการติดเชื้อ หรือต่อเชื้อเห็ด
1. ดอกเห็ด การต่อเชื้อทำได้ 2วิธี คือ 1.จากเนื้อเยื้อจากดอกเห็ด หรือ 2. จากสะปอร์เห็ด ***ดอกเห็ดสดหาได้ที่ตลาดทั่วๆ***
2. อาหารวุ้น คือการเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดของดอกเห็ดในอาหารวุ้น ที่ประกอบด้อยแป้งกับน้ำตาลเป็นหลัก สูตรอาหารวุ้นทั่วไปที่ใช้กันมากๆคือ PDA ย่อมาจาก Potato Dextrose Agar หรือพูดง่ายๆ คือ มันฝรั่งหรือ แป้ง เด๊กโตรส หรือน้ำตาล เอก้าหรือ วุ้น สังเกตุดีๆจะเห็นว่าตรงกับ ทฤษฎีที่ 1 อาหารของเชื้อรา คือแป้งและน้ำตาล ด้วยเหตุนี้ บ้านเห็ดก็สามารถคิดสูตรของบ้านเห็ดได้คือ RDA ย่อมาจาก Rice Detrose Agar หรือ ข้าวหรือแป้ง เด๊กโต๊ด หรือน้ำตาล เอก้าหรือ วุ้น ทำให้เราทำงานได้ง่าย อย่าลืม ที่นี่ประเทศไทยและเรากินข้าว ไม่ได้กินมันฝรั่ง
3. เม็ดข้าว เป็นการขยายเชื้อราจากวุ้นในรูปแบบของเม็ดข้าว ให้ปริมาณเชื้อราเห็ดได้มากขึ้น ข้าวที่ใช้ขยายยังคงใช้แนวคิดใน ทฤษฎี 1 นั่นคือ แป้งและน้ำตาล
4. ก้อนเชื้อ คืออาหารของเชื้อราเห็ด มีการเพิ่มส่วนผสมของ ยิปซัม ดีเกลือ ปูนขาวเล็กน้อย แต่ในส่วนผสมหลักยังคงเป็นแป้งและน้ำตาล การนึ่งก้อนเชื้อเห็ดจะใช้ให้ก้อนเชื้อร้อนประมาณ 95-100 องศา C โดยใช้ เครื่องมือวัดที่เรียกว่า เทอร์โมคอบเปอร์ เสียบเข้าวัดที่กลางก้อนเชื้อเห็ด เมือถึงอุณหภูมิแล้ว
สามารถหยุดได้เลยไม่จำเป็นต้องนึ่งต่ออีก





วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ทฤษฎีการทำอาหารวุ้น PDA และ RDA



ขอบคุณโครงการในส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพฯ สวนจิตรลัดดา ได้นำข้อมูลใช้อ้างอิง


สูตรใน slide จากการค้นเพิ่มเติมตรงกับสูตรในเอกสารต่างประเทศทุกประการ น่าสนใจตรงที่ ผงวุ้นต่อน้ำ ไม่ควรจะใช้ตามสูตรแต่ให้ใช้ตามโรงงานผลิตผงวุ้นนั้นๆ ซึ้งจะปรากฎหหลังซอง ในที่นี้บ้านเห็ดได้ทำสูตรในรูปแบบ Excel โดยใช้ผงวุ้นในประเทศไทย คลิกที่ภาพด้านบน ****หน่วยวัด CC เท่ากับ ml ****


มันฝรั่งล้างน้ำปลอกเปลือกให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ยิ่งเล็กเท่าไรก็จะได้น้ำมันฝรั่งออกมาเร็ว ต้มจนมันนิ่มยกออก เอาเฉพาะน้ำมันฝรั่งไม่เอาเนื้อ เพราะจะไม่ทำให้เน่าง่าย และเชื้อราเห็ดไม่ขึ้นในของเน่า


นำผงวุ้นและน้ำตาลเด๊กโตรสผสมน้ำเย็น *****ย้ำๆๆๆน้ำเย็นนะครับ***** จนละลายดีแล้วถึงไปใส่รวมกับน้ำมันฝรั่ง ตั้งไฟกลางๆเคี่ยวจนเหนียว ระวังอย่าให้ไหม้นะครับ จากนั้งกรอกใส่ขวดที่ทำการนึ่งฆ่าเชื้อมาแล้ว โดยใช้ร่วมกับกรวย จะได้ไม่เลอะปากขวด ที่ความสูงประมาณ 1 ซม. ปิดสำลีปั้นให้แข็ง แล้วหุ้มด้วยพลาสติก รัดด้วยคอขวด ตามรูป



เมื่อกรอกวุ้นใส่ขวดแล้วนำไปนึ่ง ที่ความร้อน 100 องศา C  แล้วนึ่งต่อไปอีก 30นาที แต่ถ้าไปนึ่งในหม้อนึ่งแรงดันที่ความร้อน 120 องศาC นานเพียง 15 นาที เสร็จแล้วนำไปนอนกับพื้นปูนจนแข็งตัวตามรูป


กรณีที่ใช้สูตร RDA ขั้นตอนการต้มน้ำเอาเฉพาะน้ำข้าว ไม่รอให้ข้าวนิ่มนะครับ ไม่อย่างนั้นข้าวจะดูดน้ำหมด ระวังจุดนี้ให้มาก








วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ทฤษฎีการทำอาหารเห็ดจากข้าว



เป็นที่ทราบแล้วว่า เห็ดคือเชื้อรา อาหารของเชื้อรา คือแป้งและน้ำตาล ข้าว คือแป้งและน้ำตาลในตัว ฉะนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น ข้าวฟ่างเพียงอย่างเดียว แต่เป็นได้ทุกข้าว เช่นข้าวเปลือก หรือข้าวโพด หรืออื่นๆ

นำข้าวมาล้างและทำความสะอาด แช่ทิ้งไว้ 1 วัน จากนั้นมานึ่งให้สุก หรือต้ม บ้านเห็ดเลือกเอาวิธีต้ม เพราะทำได้ง่าย ต้มจนสุกทดสอบโดยการบีบถ้านิ่มมือ ถือว่าใช้งานได้


จากนั้นดงน้ำออกตากทิ้งไว้พอจับแล้วอุ่นมือสมารถจับกรอกลงขวดได้ ถ้าร้อนไปจะมีความชื้นมากเกินไป แต่ถ้าเย็นไปก็ไม่มีความชื้นพอ ปกติเราใช้ความชื้นที่ 60-65 %

สำลีให้เลือกใช้สำลีที่ซื้อใช้ในร้ายขายยา นำมาปั้นให้แข็งทำเป็นจุกขวด ก่อนนำไปนึ่งใช้ถุงพลาสติกหุ้ม แล้วเอาคอขวดปิดเพื่อป้องกันความชื้นจากการนึ่งทำให้จุกขวดสำลีแฉะ จะขึ่นราได้ การนึ่งที่ความร้อน 100 องศา C เมื่อคือเมื่อน้ำเดือด แล้วให้นึ่งต่ออีก 30 นาทีก็นำออกมาใช้ได้ หรือนึ่งในหม้อแรงดัน
ที่ความร้อน120 องศาC ให้นึ่งต่อไปอีก 15 นาทีถึงจะนำมาใช้ได้







วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สั่งซื้อสินค้า "บ้านเห็ด"


เบอร์โทร 093-7300109
Line ID strowrysoda
ตอบทุกข้อสงสัย โดยผมเองครับ











เยี่ยมชมเพจ สั่งซื้อสินค้า ของทางศูนย์ได้ง่ายๆ
ฝากกดไลค์เพจผมด้วยน่ะครับ (ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ)
คลิกที่ภาพเลยครับ

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แผนที่



GPS 8.06019, 99.15581

แสดงความคิดเห็น

                                                                            foxyform